ล่าสุด

ลิงค์ที่เป็นมิตร

สศช. เผยหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีไตรมาสแรกปี 68 ลดลง หวั่นพฤติกรรมติดหรูนำไปสู่การก่อหนี้เกินตัว

2025-06-10     IDOPRESS

สศช. เผยหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีไตรมาสแรกปี 68 ลดลง 88.4% หวั่นพฤติกรรมติดหรู นำไปสู่การก่อหนี้เกินตัว

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ว่า สถานการณ์การจ้างงานลดลงต่อเนื่อง อัตราการว่างงานลดลง หนี้สินครัวเรือน (ไตรมาสสี่ ปี 2567) มีมูลค่า 16.42 ล้านล้านบาท ขยายตัวในอัตราชะลอลง 0.2% ซึ่งชะลอตัวลงต่อเนื่อง เป็นไตรมาสที่หกติดต่อกันจากความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ที่ให้สินเชื่อลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ปรับลดลง 88.4% จาก 88.9% ในไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับประเด็นหนี้สินครัวเรือนที่ควรให้ความสำคัญ2ประเด็นหลักคือ1.คนไทยมีพฤติกรรมการบริโภคแบบติดหรูซึ่งอาจนำไปสู่การก่อหนี้เกินตัวได้ง่ายจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลในปี2567พบว่าคนไทย1ใน3นิยมใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรู(Luxury)และบริการระดับพรีเมียมอาทิอาหารเครื่องดื่มบัตรคอนเสิร์ตบริการเสริมความงามของสะสมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและการยอมรับจากสังคมซึ่งมีความเสี่ยงต่อการก่อหนี้เกินตัวโดยสาเหตุมาจากความต้องการได้รับการยอมรับและได้แสดงสถานะทางสังคมโดยเพศชายมีความต้องการโดดเด่นที่มากกว่าเพศหญิงซึ่งสินค้าที่นิยมซื้อแบบติดหรูได้แก่อุปกรณ์เทคโนโลยีขณะที่เพศหญิงนิยมซื้อสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มโดยในสัดส่วน50%มีเงินออมสำหรับยามฉุกเฉินน้อยกว่า6เดือนทำให้มีแนวโน้มเข้าสู่วงจรหนี้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันสะท้อนปัญหาการขาดความรู้และการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสม

2.การผลักดันให้สหกรณ์เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครดิตบูโรจากข้อมูลของกรมส่งเสริมสหกรณ์ในปี2567พบว่าสหกรณ์ทุกประเภทมีการปล่อยกู้ให้กับสมาชิกมูลค่า1.3ล้านล้านบาทแต่สหกรณ์ที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโรยังมีจำนวนน้อยทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนทำได้ยากนอกจากนี้จากข้อมูลของเครดิตบูโรในไตรมาสสามปี2567พบว่าหนี้เสียของลูกหนี้สหกรณ์มีการขยายตัวสูงที่สุดเมื่อเทียบกับลูกหนี้ประเภทอื่นโดยสมาชิกส่วนใหญ่ของสหกรณ์ประกอบอาชีพข้าราชการพนักงานรัฐวิสาหกิจหรือกลุ่มเกษตรกรที่มีความเสี่ยงก่อหนี้ซ้ำซ้อนหากไม่มีวินัยทางการเงินที่ดีโดยกรณีการเข้าร่วมเครดิตบูโรของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบคีรีขันธ์พบว่าสามารถปรับพฤติกรรมทางการเงินผ่านการให้คำปรึกษาการประเมินข้อมูลเครดิตและประสานข้อมูลกับสถาบันทางการเงินอื่นเพื่อให้สมาชิกสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนเองได้การเชื่อมโยงข้อมูลกับเครดิตบูโรจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ประชาชนสามารถหลุดจากปัญหาหนี้สินรวมถึงเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรมดังนั้นภาครัฐควรผลักดันเชิงนโยบายให้สหกรณ์เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับเครดิตบูโรเพื่อให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมความมั่นคงทางการเงินของประชาชนในระยะยาว

ขณะที่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่แย่ลง สำหรับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวัง และการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอสถานการณ์ทางสังคมที่น่าสนใจ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ช่องว่าง Soft Skils ในตลาดแรงงานไทย 2. OTT : บริการสื่อสมัยใหม่ควรต้องกำกับดูแลอย่างไร? และ 3. เมื่อการเฝ้าระวังและรับมือกับชนิดพันธุ์ต่างถิ่น (Alien Species) รวมทั้งนำเสนอบทความเรื่อง “กรณีศึกษาการรับมือแผ่นดินไหวในต่างประเทศ” 

สถานการณ์แรงงานไตรมาสหนึ่งปี2568ปรับตัวลดลงโดยภาคเกษตรกรรมมีการจ้างงานลดลงต่อเนื่องส่วนนอกภาคเกษตรขยายตัวได้เล็กน้อยแต่ยังต้องให้ความสำคัญกับความอยู่รอดของSMESจากการขาดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเด็กจบใหม่ที่อาจเสี่ยงตกงานรวมถึงการสร้างไตรมาสหนึ่งปี2568ผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น39.4ล้านคนลดลงจากไตรมาสหนึ่งของปี2567ที่0.5%จากการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมที่ลดลงอย่างต่อเนื่องที่3.1%แต่นอกภาคเกษตรกรรมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยที่0.5%โดยเฉพาะสาขาโรงแรมและภัตตาคารยังคงขยายตัวได้ที่3.5%แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มลดลงเช่นเดียวกับสาขาการขนส่งและเก็บสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องที่4.5%ขณะที่การจ้างงานในสาขาการผลิตเริ่มหดตัวลงเล็กน้อยที่0.4%

นอกจากนี้ในภาพรวมชั่วโมงการทำงานของแรงงานลดชั่วโมงต่อสัปดาห์โดยภาคเอกชนอยู่ที่44.0ชั่วโมงต่อสัปดาห์สำหรับผู้ทำงานล่วงเวลาลดลง5.0%ขณะที่ผู้ทำงานต่ำระดับลดลง7.9%อัตราการว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 0.88%จากไตรมาสหนึ่งปี2567ที่อยู่ที่1.01%ซึ่งมีผู้ว่างงานประมาณ3.6แสนคนลดลงในกลุ่มที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือต่ำกว่าเช่นเดียวกับผู้ว่างงานระยะยาว ที่ลดลง14.3%หรือมีจำนวน6.8หมื่นคนโดยกลุ่มผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนกว่า74.3%ว่างงานเพราะหางานไม่ได้ทั้งนี้ผู้เสมือนว่างงานมีจำนวนกว่า4.3ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง14.6%

สำหรับประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญได้แก่1.การประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจSMEs 2.การสร้างหลักประกันกรณีถูกเลิกจ้างให้แก่แรงงานโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานพ.ศ. 2541กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานให้แก่ลูกจ้างเมื่อมีการเลิกจ้างโดยที่ลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดแต่ที่ผ่านมามีลูกจ้างไม่ได้รับการจ่ายค่าชดเชยเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะสถานประกอบการจากต่างประเทศจึงควรมีการศึกษาและกำหนดมาตรการที่ชัดเจนเพื่อให้ลูกจ้างได้รับการชดเชยอย่างที่ควรจะเป็นและ3.เด็กจบใหม่อาจเสี่ยงต่อการตกงานซึ่งผลสำรวจพบว่าผู้บริหารกว่า89%มีแนวโน้มที่จะเลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่เพราะมองว่าขาดประสบการณ์ทักษะและมีมารยาททางธุรกิจที่ไม่ดีนักและเลือกที่จะหันไปจ้างฟรีแลนซ์/พนักงานที่เกษียณไปแล้วทดแทนหรือปล่อยให้ตำแหน่งว่างดังนั้นเด็กจบใหม่จึงควรเตรียมความพร้อมของตนเองทั้งด้านทักษะและทัศนคติขณะที่ภาคการศึกษาต้องเร่งปรับรูปแบบการเรียนการสอน

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
กลับไปด้านบน
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 อ่าวไทย [อ่าวไทย]      ติดต่อเรา   SiteMap